กลับมาอีกครั้งสำหรับการปรับปรุงเว็บนี้
ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มีเวลา
ปรับปรุงอีกหน เพราะคิดว่าไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไร
ผมเองยังไม่รู้ว่าเว็บนี้จะให้ประโยชน์
ได้แค่ไหน ไม่รู้ว่าจะมีใครสนใจในความเป็นไทยมากขึ้นหรือเปล่า
แต่หากมันได้สะสมไป
ในจิตใจบ้างก็จะดีไม่น้อย
ทุกวันนี้ เราก็พูดกันถึงแต่ปัญหาเศรษฐกิจตลอดเวลา
ก็ฟองสบู่มันแตกแล้วนี่
มันก็เลยกระเจิตกระเจิงกระจุยกระจายไปหมด
นี่ก็เป็นบทเรียนที่พวกเราจะต้องจดจำกันไว้
เศรษฐกิจที่โตแต่หัว ตัวไม่โต
จุดจบมันก็เป็นอย่างที่เห็น คนที่เขาไม่สร้างปัญหา ก็นั่งมา
แบกรับภาระ ทั้งที่ปัญหาหลัก
ๆ มันเกิดจากคนกลุ่มน้อยเท่านั้น
สมัยปี 2530-37
เศรษฐกิจของเราเฟื่องฟูกันสุดขีด มีการไหลเข้าของเงินทุน
อย่างมหาศาล ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังโตสุดขีด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็พุ่งขึ้นไม่หยุด
ชนิดหาแนวต้านไม่เจอ (เดี๋ยวนี้กลายเป็นหาแนวรับไม่เจอ)
ผู้คนเริ่มผันเงินเข้ามาสู่ตลาด
เหล่านี้ ....ตลาดเก็งกำไร
บางคนรวยชั่วข้ามคืนทีเดียว ต่อให้สมองอ่อนปัญหาก็ยังรวยกันได้
ค่านิยมในการขยันขันแข็งทำงาน
ก็เริ่มหดหายลงไป อาชีพหลักไม่สนใจกัน มุ่งสู่ตลาดเก็ง
กำไรอย่างเดียว
หวังจะรวยในเวลาอันสั้นทั้งนั้น บ้าเงินกันไปหมด พวกที่จบมาใหม่
ๆ ก็
ให้ความสำคัญกับเงินเดือนเป็นอันดับแรกทั้งนั้น
ฝันจะประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม
ยังสาว ไม่รู้จักคุณค่าของทำงานอย่างสร้างสรรค์กันบ้าง
แล้วภาคเก็งกำไรมันก็โตอย่างเดียว
ขณะที่ภาคการผลิตจริงอย่างเกษตรกรรม
พาณิชยกรรม มันไม่โตเลย ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
กันอยู่ทุกปี ไม่สนใจกันบ้างหรือ
เงินที่ได้มาง่าย ๆ มันก็ใช้จ่ายออกไปอย่างง่าย
ๆ ลัทธิบริโภคนิยมมันจึงเข้ามา
แพร่หลายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมู่เศรษฐีใหม่
ดูแค่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยผู้ที่จะเป็น
อนาคตของชาติอีกต่อไป
ยังมัวเมาบ้าคลั่งอยู่กับลัทธิบริโภคนิยมกันอยู่ ใช้จ่ายได้ใช้จ่ายดีจน
ติดอันดับโลกไปแล้ว
มองผิวเผินเหมือนจะเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตนเอง แต่แค่ได้ยิน
เสียงเคาะจาน ก็วิ่งรี่เข้าไปหาแล้ว
ทั้งที่มันก็มีแต่จานเปล่า ๆ ไม่มีข้าวให้กินสักหน่อยนี่ ชีวิตแต่ละวัน
ก็ไม่อะไรนอกไปจากการแข่งกันแต่งตัวเพื่อไล่ตามความทันสมัย วงสนทนา ก็พูดกัน
แต่เรื่องไร้สาระ ปิดท้ายก็ไปเที่ยวกลางคืน เมาเหล้าและดิ้นกันสุดเหวี่ยงต่อไป
หิวกระหายความทันสมัยกันนัก การหาประโยชน์จากคนเง่าที่อวดฉลาดมันทำได้ง่ายดาย
โดยใช้เครื่องมือของลัทธิบริโภคนิยมอย่างนี้เอง
ผมได้เคยไปนั่งฟังการนำเสนอความคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ
นักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศมา
10 คน มุมมองและแนวคิดของแต่ละคนน่า
สนใจมากทีเดียว
แม้จะเห็นได้ชัดว่าบางคนทำไม่ได้ตามที่พูดไว้ แต่ก็นับว่ากล้าที่จะเสนอ
แนะสิ่งดี ๆ ออกมา
สิ่งที่หลายคนพูด ๆ เหมือนกันและตรงกับใจผม คือ การพัฒนาคนหรือ
การลงทุนในมนุษย์ ซึ่งเป็นการสร้างคนให้มีคุณภาพ
มีทั้งความสามารถและคุณธรรมควบคู่
กันไป โดยอาศัยการพัฒนาการศึกษาเป็นกลไกสำคัญ
เราต้องเน้นการศึกษาที่ทำให้คนรู้จัก
คิดและเข้าใจได้ด้วยตนเอง
ไม่ใช่สักแต่ท่องจำอย่างเดียว ต้องรู้จักประยุกต์ความรู้มาใช้ให้
เกิดประโยชน์และเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของศาสตร์แขนงต่าง
ๆ กัน เพราะเมื่อเราออกไป
ทำงานแล้ว เราจะเปรียบเสมือนเฟืองเล็ก
ๆ อันหนึ่งที่ต้องสัมพันธ์กับเฟืองอื่น ๆ ในอันที่
จะนำพาประเทศชาติให้ก้าวหน้าต่อไป