ในโลกซึ่งเราอยู่บัดนี้ ไม่มีใครสามารถทำงานที่สำคัญให้สำเร็จได้โดยลำพัง
มนุษย์มีความจำเป็นต้องอาศัยซึ่งกันและกัน
การกล่าวดังนี้มิได้ค้านพุทธภาษิตที่ว่า
อตฺตาหิ อตฺตาโน นาโถ
การที่ตนเองเป็นที่พึ่งแก่ตนนั้นเป็นความจริงแท้
แต่การพึ่งตนเองมิได้หมายความว่า
ความสามารถของมนุษย์เรามีอยู่ 3 ขั้น คือ
คนที่เพิ่งเริ่มเดินทางในชีวิต ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ หรือความร่วมมือของบุคคลที่สามารถจะเป็นประโยชน์ ทางดำเนินของผู้นั้นก็ลุล่วงไปได้ยาก โดยมากเราเข้าใจกันว่าวิชาจะช่วยให้คนมีฐานะมั่งคง และเลิศลอยขึ้นไป ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ๆ เมื่อไม่ได้รับฐานะเท่าเทียมกับค่าของวิชา หรือเห็นผู้หนึ่งผู้ใดที่อ่อนความรู้กว่า กลับมีฐานะดีกว่า มักคิดตนเป็นผู้เคราะห์ร้าย หรือหาว่าคนนั้นคนนี้ได้ดีเพราะการประจบสอพลอ
เรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบรรยายไว้อย่างดี ในหนังสือหลักราชการ
ซึ่งได้แพร่หลายมาราว 20 ปีแล้ว
ความจริงการมีวิชาเท่ากับมีเครื่องมือเครื่องใช้อันหนึ่ง
เครื่องมือเครื่องใช้นั้นจะประเสริฐปานใด ถ้าไม่มีใครอยากใช้ก็หาค่ามิได้ วิชาจะเป็นประโยชน์ต่อเมื่อมีคนต้องการใช้
และการที่จะให้มีคนต้องการใช้วิชาของตน
ก็ต้องอาศัยความสัมพันธ์ติดต่อกับคนทั้งหลาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
"ก า ร ผู ก มิ ต ร" แม้ในสมัยนี้ การแสวงหาความสัมพันธ์ หรือการผูกมิตรดังว่านี้
เรามักเข้าใจผิดกันไปเป็นอันมาก คือคิดว่า เป็นการประจบสอพลอ มีคนเป็นอันมากที่ชอบแสดงว่า
คำว่า
"ป ร ะ จ บ ใ ค ร ไ ม่ เ ป็ น"
นั้นดูประหนึ่งว่าเป็นเครื่องแสดงคุณสมบัติอย่างสูง
หรือเป็นเครื่องแก้ตัวในความไม่สำเร็จต่างๆ
อันที่จริง ปัญหา มิได้อยู่ที่ว่าประจบเป็นหรือไม่เป็น
แต่ปัญหามีอยู่ว่าเรา ได้ทำตัวให้ต้องตามกฏแห่งความเป็นมนุษย์หรือไม่ การรับความร่วมมือช่วยเหลือนั้น ไม่ใช่การพึ่งพิงอาศัย
การพึ่งพิงอาศัยเป็นความประสงค์ที่จะมีชีวิตอยู่ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น
โดยที่ตนเองไม่ต้องทำงาน หรือทำงานแต่น้อยที่สุด ซึ่งเป็นการที่เลวมาก
แต่การรับความร่วมมือช่วยเหลือ
เป็นการหาโอกาสให้ตนได้ทำงาน และใช้ความสามารถของตนได้ยิ่งกว่าที่จะทำคนเดียว
สำหรับผู้ที่เริ่มทางดำเนินในชีวิต ย่อมมีความจำเป็นที่จะต้องแสวงหาความสัมพันธ์ หรือการผูกมิตรเพื่อรับความช่วยเหลือจากผู้ที่มีฐานะดีกว่าตน หรือที่ไทยเราเรียกว่า "ผู้ใหญ่" เมื่อพูดถึง "ผู้ใหญ่" ก็อาจจะเข้าใจผิดกันอีก บางคนอาจเข้าใจว่า...
ในระบอบประชาธิปไตยไม่มีผู้ใหญ่ผู้น้อย เพราะคนเสมอกันหมด
แต่อันที่จริง เรื่องผู้ใหญ่ผู้น้อย (ซีเนียร์ ยูเนียร์) ย่อมต้องมีอยู่ทุกประเทศและทุกระบอบ
ถ้าเราศึกษาเรื่องราว ของคนในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยอันรุ่งเรือง เช่น
สหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือ ฝรั่งเศส เราจะเห็นได้ว่า คนหนุ่มๆ ที่เริ่มทำการต่อสู้กับความเป็นไปในชีวิต
ย่อมแสวงหาโอกาสที่จะผูกมิตร กับผู้ใหญ่คนสำคัญๆ อยู่เสมอ
การผูกมิตรกับผู้ใหญ่ไม่ใช่ประจบสอพลอ เพราะเรามิได้หวังรับความช่วยเหลือ ของเขาฝ่ายเดียวโดยที่เราไม่ทำอะไร
การผูกมิตรกับผู้ใหญ่
เป็นการหากุญแจ ที่จะไขเปิดประตูให้เราได้เข้าไปสู่สนามชิงชัยแห่งชีวิต
ซึ่งเราจะต้องทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราได้เต็มที่
แต่ตราบใดที่เรายังไม่มีช่องทาง
ถึงจะมีสติปัญญาและความรู้สึกเพียงไร ก็ไม่เป็นโอกาสที่เราจะทำอะไรสำเร็จในชีวิต
ฉะนั้น การผูกมิตรกับผู้ใหญ่ เป็นการจำเป็นอย่างแท้จริง
|
== แต่จะทำอย่างไร ? จึงจะมีโอกาสผูกมิตรกับผู้ใหญ่ หรือกับคนที่จะเป็นประโยชน์แก่เราได้? ==