การทำคุณที่จะให้เป็นคุณ

เราจะเริ่มพิจารณาความบางข้อซึ่งดูเหมือนจะเป็นความลึกลับ ที่น่าไตร่ตรองอยู่มาก

ไทยเรามักชอบกล่าวว่า

ท ำ คุ ณ กั บ ใ ค ร ไ ม่ ขึ้ น คือ หมายความว่าทำความดีให้แก่ใครมากๆ แล้วผู้นั้นกลับทรยศหรือไม่ได้ระลึกถึงบุญคุณ

ข้อนี้เป็นความจริง ขอให้ถามคนที่เราพบ 10 คน ขอให้เขาตอบด้วยความจริงใจว่า เขาทำคุณกับคน ขึ้นหรือไม่?

เราจะได้รับคำตอบปฏิเสธทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด (รวมทั้งคุณด้วยจริงมั้ย?)

เ ห ตุ ไ ร จึ ง เ ป็ น เ ช่ น นั้ น

ในชั้นต้นเราอาจเข้าใจว่า เป็นเพราะผู้ทำคุณนั้นหวังมากเกินไป คือเมื่อได้ทำคุณแก่ใครเล็กน้อย ก็หวังให้ผู้นั้นหมอบราบด้วยความรู้คุณ หรือทำการตอบแทนให้คุ้มค่า หรือเกินค่า ครั้นไม่ได้สมประสงค์ ก็เกิดความรู้สึกว่าตนทำคุณแก่ใครไม่ขึ้น

ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เราลองนึกดูอุทาหรณ์ต่างๆ ทั้งที่เราประสบมาด้วยตนเอง และที่เราทราบจากเรื่องของคนอื่น ลองพิจารณาดูให้ดี เราจะเห็นได้ว่า เรื่องทำคุณแก่คนไม่ขึ้น เป็นของธรรมดาที่เป็นอยู่ทั่วๆ ไป และเป็นอยู่โดยปกติทีเดียว

ผู้แต่งหนังสือเรื่อง "อุ บ า ย ใ ช้ ค น" ได้ยกตัวอย่างคนบางคนมาให้แลเห็นว่า ศัตรูที่ร้ายแรงที่สุดมักเป็นคน ที่เราได้ทำบุญคุณไว้มากที่สุด

ผู้ที่มีบริวารมากๆ จะได้เคยประสบว่า คนที่อาจจะกลับทรยศได้ง่ายที่สุดนั้น คือ คนที่ตนได้ช่วยเหลือ และยกย่องมากที่สุด

ในสมัย หรือในประเทศที่ชายมีภรรยามากๆ ได้ ภรรยาที่จะมีชู้ได้ง่าย มักเป็นภรรยาที่สามีรักหลง และเสียสละให้มากที่สุด หรืออีกนัยหนึ่ง ภรรยาที่ขาดความเคารพหรือถือดีกับสามีมาก มักเป็นภรรยา ที่สามีได้ยกย่องที่สุด

ผู้ที่มีลูกมากๆ มักจะได้เคยประสบว่า ลูกที่จะทำให้พ่อแม่เจ็บช้ำมาก คือลูกที่พ่อแม่รักและเอาใจมากที่สุด

ข้าราชการที่ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชามากที่สุด มักจะเป็นข้าราชการที่ได้รับขึ้นเงินเดือนบ่อยที่สุด

เราจะว่า "ท ำ ดี ไ ม่ ไ ด้ ดี" ซึ่งค้านพุทธวจนะ ก็ไม่ถูก การทำดีย่อมได้ดีเป็นแน่ ถ้าเราเชื่อว่าเราทำดีแต่ไม่ดี ก็คงเป็นเป็นเพราะเหตุ 2 ประการ

1.
อาจเป็นโดยที่ว่าการทำดีของเรานั้น เราทำไม่ถูกทาง หรือ

2.
เราเข้าใจความหมายคำว่า "ได้ดี" ผิดไป
"ดี-ร้าย" กับ "ถูก-ผิด" นั้น เป็นคนละเรื่องไม่ใช่อันเดียวกัน การทำดีไม่ใช่ทำถูกเสมอไป และการทำร้ายก็ไม่ใช่ทำผิดเสมอไป ทำดีแต่ทำไม่ถูก ก็ใช้ไม่ได้ ทำร้ายแต่ไม่ผิด ก็ไม่เป็นอะไร

การที่จะแก้ปัญหาเรื่องทำคุณไม่ขึ้นนี้ ให้แจ่มแจ้ง เราต้องหันไปขอความช่วยเหลือ ของจิตวิทยา บางทีเราจะได้พบอะไรที่จะเป็นหลักทั่วไปสักอันหนึ่ง

หลักจิตวิทยาในข้อนี้คือว่า การทำให้ผู้อื่นภาคภูมิใจ เป็นวิธีผูกมิตร แต่การทำให้ผู้อื่นหย่อนความภาคภูมิ เป็นการก่อศัตรู โดยไม่เลือกว่าการกระทำของเราจะเป็นทางดีหรือทางร้าย

มนุษย์ผิดกับสัตว์ สัตว์ที่เราเอามาเลี้ยงไว้ เราสามารถทำให้มันเชื่อง และจงรักภักดีต่อเราด้วยความรัก ความเมตตาได้อย่างเดียว แต่มนุษย์นั้น ความรักความเมตตาอย่างเดียวหาทำให้เชื่องได้ไม่

ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่ว่าคนเลวกว่าสัตว์ ที่จริงเป็นเพราะนิสัยคนผิดกับสัตว์ เราเรียกคนว่า "มนุษย์" คำว่ามนุษย์แปลว่าหัวใจสูง มนุษย์ย่อมไม่มีความพอใจในสภาพอันใดที่จะทำให้หัวใจของเขาต่ำ มนุษย์มีความ พอใจในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จะทำให้หัวใจของเขาสูงขึ้น อย่างน้อยก็ให้แลเห็นว่าเขาเป็นคนสำคัญในทางใดทางหนึ่ง

เราลองอ้าแขนเข้าไปช่วยใครสักคนหนึ่ง ช่วยโดยน้ำใจบริสุทธิ์ ช่วยอย่างไม่ต้องการอะไรตอบแทน และบุคคลผู้นั้นไม่มีโอกาสตอบแทนได้ แต่เราก็คอยช่วยเหลือเรื่อยๆ ไป แทนที่ผู้นั้นจะพอใจ กลับจะเห็นไปว่าเราคงมีเจตนาทุจริตอะไรแอบแฝงอยู่สักอย่างหนึ่ง ลงท้ายจะเบื่อหน่ายเรา อาจเริ่มต้นด้วยการนินทาว่าร้าย และดูหมิ่นเราได้มาก

ผู้แต่งหนังสือ "อุบายใช้คน" ได้ให้หลักซึ่ง แปลออกมาว่า
การที่ทำให้คนเป็นหนี้ (บุญคุณ) เรา โดยที่เขาไม่สามารถใช้หนี้ได้นั้น เป็นการไม่รอบคอบ ถ้าเราทำให้เขามากไป ก็จะมีเวลาที่เขามักเกลียดเราโดยทางลับหรือโดยเปิดเผย

เพราะฉะนั้น เราจะต้องช่วยในเมื่อเขามีความดีอันควรช่วย และบอกให้เขารู้ว่า เราช่วยเขาเพราะความดีของเขา คือ แทนที่เราผู้ช่วยเหลือ จะเรียกร้องความดีเสียเอง เรากลับให้ความดีแก่ผู้ที่เราช่วย นั่นแหละ คือ การผูกมิตร

และตัวอย่างของ Strategy in Handling People

== ปร ะ ธ า น า ธิ บ ดี แ ม๊ ค กิ น เ ล ย์ ==